มีหลายวิธีที่จะให้ผักสุก แต่วิธีไหนล่ะที่จะเหมาะกับผักแต่ละชนิด เรามีวิธีปรุงมาแนะนำเพื่อให้การปรุงผัก จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเรามากที่สุด และมีอันตรายต่อร่างกายน้อยที่สุด
การปรุงผักด้วยการนึ่งจะดีกว่าการต้ม ช่วยการนึ่งจะรักษาสารต้านอนุมูลอิสระในผักไว้ได้มากกว่า เพราะเมื่อเราต้มผัก วิตามินและเกลือแร่ในผักจะละลายไปในน้ำ
มีการศึกษาทดลองนำผัก 20 ชนิดไปต้ม พบการสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระไปถึง 14% ดังนั้น หรือถ้าหากเราใช้วิธีการต้มผัก ก็สามารถนำน้ำผักต้มไปรับประทานหรือทำอาหารอื่นๆ ต่อได้ด้วย
ส่วนการทอด เป็นวิธีการปรุงอาหารที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระและสารก่อมะเร็ง เพราะในอาหารทอดนั้นจะมีส่วนประกอบของไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัวที่มีการเติมไฮโดรเจนลงไป ส่งผลต่อการเกิดมะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคอ้วน
หลีกเลี่ยงการปรุงเกินความจำเป็น การต้มเคี่ยวเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้สูญเสียคุณค่าด้านโภชนาการของผักไปและน้ำมันในอาหารประเภทนั้นจะกลบกลิ่นรสของผักและทำให้ร่างกายย่อยยาก
หากการปรุงเป็นเวลานาน แนะนำให้ใช้ไฟอ่อน จะทำให้ผักนั้นหวานขึ้น แต่จะมีฤทธิ์ร้อนเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีกำลังย่อยน้อยท้องอืดง่าย
อย่างไรก็ตาม ยังมีผักบางชนิดที่เราควรรับประทานแบบดิบๆ บ้าง ได้แก่
- พริกหวาน ไม่ว่าจะเป็นพริกหวานสีแดง เขียว หรือเหลือง ควรรับประทานแบบดิบ มีข้อมูลพบว่า ถ้านำไปปรุงสุก พริกหวานจะสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระไปถึง 75%
- บรอกโคลี รับประทานแบบดิบ มีสารช่วยต่อต้านมะเร็ง
- หัวหอม หัวหอมดิบ จะมีฤทธิ์ต้านเกล็ดเลือด ช่วยป้องการโรคหัวใจ
- กระเทียมดิบ มีกำมะถันสูง ช่วยป้องกันมะเร็งบางอย่างได้
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นผักดิบ ผักสด หรือผักสุก ถ้าเรารับประทานผสมคละกันไปให้หลากหลาย จะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ และที่สำคัญต้องเป็นผักที่สะอาด ปลอดภัย ปราศจากการตกค้างของยาฆ่าแมลงและสารเคมีด้วยนะคะ